Coding คืออะไร ?
Coding หรือการเขียนโค้ด สรุปให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือการสั่งงานคอมพิวเตอร์ ให้มันทำตามที่เราต้องการนี่แหละครับ เหมือนเป็นการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์นั่นเอง แต่เปลี่ยนจากภาษาคนเป็นภาษาคอมพิวเตอร์ เปรียบไปก็เหมือนเวลาเราจะคุยกับชาวต่างชาติ เราก็ต้องพูดภาษาอังกฤษหรือภาษากลางอื่นๆ เพื่อการสื่อสาร คอมพิวเตอร์ก็เช่นกัน
- นิยามสั้นๆ Coding (โค้ดดิ้ง) คือ การป้อนคำสั่ง ด้วยภาษาคอมพิวเตอร์
- 5 เหตุผลสำคัญ สำหรับผู้ปกครองควรรู้!! การคิดคำนวณเป็นทักษะชีวิตที่จำเป็น “การคิดเชิงคำนวณ” หรือที่ฝรั่ง เขาเรียกว่า ( Computational Thinking ) สิ่งที่สำคัญที่สุด เด็กๆจะถูกสอนให้แก้ปัญหาสอนเทคนิคต่างๆ การคิดเชิงคำนวณ จะสอนให้ทำขั้นตอนอย่างการย่อยปัญหาใหญ่ๆให้เป็นอันเล็กๆ
- ด้านการศึกษาในไทย กับ Coding (โค้ดดิ้ง) มีชื่อว่า วิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ หรือ Computing Science) คือ ประเทศไทยเราจะเรียกอีกอย่าง คือ “วิทยาการคำนวณ” โดยเด็กๆอายุระหว่าง 7-13 ควรเรียนไว้เพราะ CEO Google คุณ Sundar Pichai กล่าวถึงความสำคัญของ Coding (โค้ดดิ้ง)
ที่มา Youtube : Coding the Future : Coding สร้างการเรียนรู้
เด็กๆ ต้องเรียน Coding โค้ดดิ้ง เพราะในอีก 3-4 ปี ข้างหน้า เมื่อ A.I. และ 5G เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ความต้องการทรัพยากรบุคคลหรือที่เรียกว่า “โปรแกรมเมอร์” จะมีเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน หากใครที่จบทางด้านการเขียนโปรแกรมสามารถเรียกเงินเดือนเริ่มต้น 30,000 บาท (ตามความสามารถของการเขียนโปรแกรมที่ถนัด เพราะฉะนั้น ถ้าศึกษาทางด้านการเขียนโปรแกรมสามารถมีโอกาสและเป็นแต้มต่อให้กับเด็กในการทำงานนในอนาคตได้ดี
ปัจจุบันตอนนี้ทางระบบการศึกษาได้นำหลักสูตรการเขียนโปรแกรมเพิ่มเข้าไปในบทเรียนเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่ระดับ ประถม จนถึงมัยม (ปกติต้องเรียนปริญญาตรี) โดยให้ความสำคัญกับ หัวใจหลักของ Coding (การโค้ดดิ้ง) คือ การเขียนสัญลักษณ์เพื่อบอกลําดับขั้นตอน ลําดับความคิด เพื่อสื่อสารให้เข้าใจกัน อาทิ การแต่งเพลง วางลําดับตัวโน๊ตดนตรี การออกแบบ ลําดับคำสั่ง ซึ่งจะช่วยให้เด็กๆได้เรียนรู้ การเขียนโปรแกรมแบบมีลําดับการวางแผน การเขียน (flow chart) เป็นต้น
โดยนิยามสั้นๆ Coding (โค้ดดิ้ง) คือ การป้อนคำสั่ง ด้วยภาษาคอมพิวเตอร์ ต่างๆ อาทิ ภาษาไพทอน ,ภาษาซี , หรือ ภาษาจาวา โดยให้โปรเเกรมเมอร์สั่งคำสั่งให้ คอมพิวเตอร์ทำงานตามที่ต้องการ
ทำไมต้องเรียนกับ Coding (โค้ดดิ้ง)
1.การคิดคำนวณเป็นทักษะชีวิตที่จำเป็น “การคิดเชิงคำนวณ”
หรือที่ฝรั่ง เขาเรียกว่า ( Computational Thinking ) สิ่งที่สำคัญที่สุด เด็กๆจะถูกสอนให้แก้ปัญหาสอนเทคนิคต่างๆ การคิดเชิงคำนวณ จะสอนให้ทำขั้นตอนอย่างการย่อยปัญหาใหญ่ๆให้เป็นอันเล็กๆ
สอนให้จดจำรูปแบบสร้างวิธีการแก้ปัญหา ที่จะประสบความสำเร็จ ครั้งแล้ว ครั้งเล่า สิ่งนี้เป็นส่วนทั้งหมดของ การดำเนินการที่ถูกกำหนดให้เป็น “การคิดเชิงคำนวณ” พัฒนารูปเบบความคิดสร้างสรรค์ และ คิดวิเคราะห์ปัญหาอย่างเป็นขั้นตอน เพราะ ความคิดสร้างสรรค์ เป็นสิ่งที่มนุษย์ ไม่ควรมองข้าม ทั้งนี้ A.I.ยังไม่สามารถสร้างระบบความคิดสร้างสรรค์ได้เต็ม 100% มนุษย์อย่าง เราหากจะต้องต่อสู้กับ A.I. ให้ได้คือ ความคิด การออกจากกรอบในทางที่สร้างสรรค์
2.โลกปัจจุบันและอนาคตเราต้องใช้ Technology ในชีวิตของพวกเรา
ปัจจุบันทุกวันนี้เราใช้ Technology ในชีวิตพวกเราในตอนนี้ถูกแวดล้อมไปด้วย Technology จำนวนมาก เช่น ในตอนเช่าที่เด็กๆขึ้นรถไฟฟ้า BTS เราใช้บัตร RFID ตอนที่เราจะเดินทางก็ใช้ Google Map นำทางตอนที่เราจะตำเเหน่งอะไรก็ตามเราใช้ Technology แทบทั้งสิ้น สร้างโอกาสด้าน Technology ที่ดีให้กับเด็กๆ เพิ่ม โอกาสในการทำงาน ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า เมื่อ A.I. และ เทคโนโลยี 5G เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ความต้องการทรัพยากรบุคคลหรือที่ เรียกว่า โปรแกรมเมอร์ จะมีเพิ่มมากขึ้น
3.การเขียนโปรแกรม ช่วยให้เด็กๆ แสดงพรสรรค์ด้านความคิด
พรสรรค์ด้านต่างๆ ของเขา จะเกิดขึ้นจากการเรียนรู้ และ ฝึกฝน เช่น เรียนกีฬา เรียนศิลป์ เพื่อให้เด็กๆได้แสดงความคิด ความสามารถ ออกมาอย่างสร้างสรรค์ และในปัจจุบันเอง คำว่า แสดงพรสรรค์ด้านความคิด ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การวาดรูป อีกแล้ว ความสร้างสรรค์ สามารถอยู่ได้ในเกมที่พวกเขาเขียนและอยู่ใน Application ที่พวกเขาสร้างได้เองด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ scratch , micro:bit , python
โดยเราไม่ควรจำกัดว่าให้พวกเขาเขียนโปรแกรม เพียงเพราะ เราคาดหวังให้เด็กๆ ทำงานเป็นโปรเเกรมเมอร์ ในอนาคตไม่จำเป็นว่าเด็กๆอยากจะทำงานเป็นอะไร แต่ในอนาคตตอนนี้เป็นที่แน่นอนแล้วว่างานอะไรในปี 2020–2050 ก็ต้องใช้ทักษะ ด้าน Computational Thinking และการเข้าใจ Technology อย่างแน่นอน
4.ส่งเสริมการเรียนคณิตศาสตร์ให้เข้าใจมากขึ้น และ ทักษะทางด้านภาษาที่ดี
ผู้ปกครองหรือเด็กบางคนมองว่า การเขียนโปรแกรมเป็นการผนวกร่วมกับคณิตศาสตร์และคิดว่า การเรียนคณิตศาสตร์มันยาก แต่จะสนุกและเข้าใจมากขึ้นเมื่อมาใช้กับการเรียนเขียนโปรแกรมค่ะ เชื่อเราได้เลยถ้าให้เด็กลองเรียนดูจะติดใจทั้งการ Coding (โค้ดดิ้ง) และคณิตศาสตร์แน่นอน ไม่เชื่อล่ะก็ลองส่งเด็กมาเรียนกับ Codekids ได้นะคะ
นอกจากนี้ ทักษะการเขียนโปรแกรมที่ต้องมีแล้ว ยังได้ทักษะภาษาอังกฤษก็ต้องได้ด้วยไม่แพ้กันการเรียนภาษาอังกฤษแบบท่องจำอาจจะทำให้เข้าใจช้า แต่การเรียนแบบลงมือทำอย่างการเขียนโปรแกรมเป็นการฝึกในเรื่องของภาษาอังกฤษมากขึ้น
5.การเขียนโปรแกรมเป็นอาชีพที่ต้องการอย่างสูง
เทคโนโลยีเป็นอุตสาหกรรมที่มีความต้องการนักเทคโนโลยีที่มีความสามารถอย่างสูงไม่ว่าจะเป็น
– เทคโนโลยีการวิจัย
– นักเขียนโปแกรมในมือถือ
– การเรียนโปรแกรมสำหรับงานทางธุรกิจ
– การพัฒนาแอพสำหรับเรื่องเฉพาะทางต่างๆ เช่น App โรงพยาบาล
– การพัฒนาเกมส์
บริษัทใหญ่ๆ อย่าง Microsoft และ Apple ผู้คนต้องการผลิตภัณฑ์ซอฟต์แวร์ที่ใหม่และเป็นนวัตกรรม บริษัท Startup ทางเทคโนโลยี กำลังผุดขึ้นมาทั่วโลกทุกๆวัน Internet of Things (IoT) การแข่งขันเพื่อการท่องเที่ยวอวกาศและการสำรวจ ,ตัวอย่างเช่น NASA และ Health Canada ทั้งหมดนี้กำลังมองหาซอฟต์แวร์ที่สามารถ ผลักดันความคิดริเริ่มไปข้างหน้าได้
ด้านการศึกษาในไทย กับ Coding (โค้ดดิ้ง)
ทาง สสวท. หรือ สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีกระทรวงศึกษาธิการ หลักสูตรวิชาคอมพิวเตอร์ ในปีพุทธศักราช 2560 ประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานใช้เป็นภาคบังคับ ในปี 2561 ดังนี้
พฤษภาคม 2561 : ป.1, ป.4 และ ม.1, ม.4
พฤษภาคม 2562 : ป.2, ป.5 และ ม.2, ม.5
และปีนี้ 2563 : ป.3, ป.6 และ ม.3, ม.6
ชื่อวิชาเทคโนโลยี (วิทยาการคำนวณ หรือ Computing Science)
สิ่งที่ได้จากการเรียนเขียนโปรแกรม
1. คณิตศาสตร์
2. ภาษาอังกฤษ
3. ภาษาคอมพิวเตอร์ที่เป็นพื้นที่ทั่วโลกต้องใช้
4. Computational Thinking การคิดเป็นระบบ
กิจกรรม Unplugged หรือสื่อการสอน Board game
แต่ถ้าเป็นน้อง อายุ 7 ขวบ สามารถเรียนเขียนโปรแกรมได้ด้วยกล้ามเนื้อนิ้วมือ เริ่มทำงานโครงสร้างสมอง เริ่มมีสมาธิและฝึกเรื่องของการตัดสินใจ ดังนั้นโปรแกรมที่สามารถเริ่มได้คือ
– code.org
– micro:bit
– scratch
ขอขอบคุณข้อมูล
1.www.codekids.co/parent/what-coding-children/
2.www.mindacademythai.com/why-kids-coding/